BCH อาจเป็นหุ้นโรงพยาบาลตัวเดียว...ที่กำไรยังโต!

วันนี้ราคาหุ้นในกลุ่ม "โรงพยาบาล" ปรับตัวขึ้นยกแผง แต่รู้หรือไม่ว่าหุ้นโรงพยาบาลส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากโควิด-19 มีเพียง BCH ที่ได้ประโยชน์จากวิกฤตในครั้งนี้ เพราะเป็นโรงพยาบาลที่มีรายได้จากการตรวจโควิด-19 สูงมาก ครองส่วนแบ่งถึง 23% ของเคสที่ตรวจแล้วทั้งหมด ทำให้ BCH เป็นโรงพยาบาลเดียวในไตรมาส 2/63 ที่กำไรยังพุ่ง ...


*** หุ้นโรงพยาบาลบวกยกแผง


วันนี้ราคาหุ้น บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดตลาดบวกขึ้นไปทำจุดสูงสุดของรอบเช้านี้ที่ 14.80 บาท ตามตลาดหุ้นที่บวกสดใสในช่วงเช้า ก่อนที่จะปิดตลาดช่วงเช้าไประดับเดียวกัน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ +2.07%

นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลตัวอื่นๆ ยังปรับตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน โดย BDMS ทำจุดสูงสุดรอบเช้าไปที่  22.50 บาท BH 118 บาท CHG 2.42 บาท VIBHA 1.55 บาท และ THG ที่ 19.90 บาท


*** ขึ้นทั้งกลุ่มไม่ได้แปลว่าดีทั้งกลุ่ม ... 


แม้ราคาหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลจะปรับตัวขึ้นมาได้ทั้งกลุ่ม แต่หากพิจารณาจากประมาณการของนักวิเคราะห์แล้วพบว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จนทำให้กำไรในไตรมาส 2/63 หดตัวทั้ง YoY และ QoQ โดย นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โนมูระ พัฒนสิน และบล.เคทีบี ประเมินกำไรสุทธิไว้ดังนี้ 

หุ้นกำไรสุทธิ Q2/63 (ลบ.)YoYQoQ
BDMS1,240-34%-52%
BH262-64%-66%
CHG119-3%-36%

ผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้ในเดือน เม.ย.-พ.ค. คนไข้ที่มาใช้บริการลดลงรุนแรง ทั้งจากลูกค้าต่างชาติ ที่หายไปเกือบหมด และลูกค้าชาวไทยที่เดินทางมารักษาลดลง  ขณะที่ในเดือนมิ.ย สถานการณ์ดีขึ้น หลังผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มในอัตราที่ลดลง คนไข้ไทยเริ่มกลับมาใช้บริการมากขึ้น


*** แต่กับ BCH เป็นอีกเรื่อง เพราะได้ผลดีจากโควิด-19


อย่างไรก็ดี BCH กลับได้รับผลกระทบจากประเด็นนี้น้อยกว่ากลุ่มมาก เพราะมีรายได้จากการตรวจโควิด-19 เข้ามาชดเชย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า BCH เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ให้ตรวจโควิด-19 เป็นอันดับที่หนึ่งของไทยเทียบกับโรคพยาบาลเอกชนด้วยกัน 

อิงข้อมูลถึงวันที่ 10 มิ.ย.63 BCH ตรวจโควิด-19 ไปแล้วมากกว่า 106,800 ราย คิดเป็นส่วนแบ่ง 23% ของจำนวนเคสที่ตรวจทั้งหมดในไทยซึ่งคาดว่าจะทำกำไรเข้ามาในไตรมาส 2/63 ราว 50 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 20% ของกำไรสุทธิในไตรมาสนี้

ขณะที่ บล.ฟิลลิป มองว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/63 จะพลิกเติบโตดีสุดในกลุ่มโรงพยาบาลอยู่ที่ 276 ล้านบาท +13.2% YoY +6.5% QoQ เติบโตดีสุดในกลุ่มตามรายได้ค่ารักษา +5.2% YoY, +3.2% QoQ แม้กลุ่มลูกค้าเงินสดได้รับผลกระทบมากจากมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงเดือน เม.ย. และต่างชาติลดลงจากการหยุดบินระหว่างประเทศ แต่ได้รับชดเชยทั้งหมดจาก

1) รายได้ประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นทั้งจากจำนวนผู้ประกันตน +3% ที่ 8.87 แสนราย และการปรับขึ้นค่ารักษามาตั้งแต่ต้นปี

2) ค่าบริการตรวจเชื้อ โควิด-19 ราว 1.2 แสนรายสูงสุดในโรงพยาบาลเอกชน คาดรายละ 3 พันบาท ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่าคาด ทำให้แม้เปิดโรงพยาบาลใหม่ "KIH อรัญประเทศ" (ค่าใช้จ่ายประมาณ 6 - 7 ล้านบาท/เดือน) แต่ GPM ปรับตัวดีขึ้นที่ 30.9% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/62 ที่ 30.6% และไตรมาส 1/63 ที่ 30.4% โดยคาด SG&A ลดลง YoY แต่ทรงตัว QoQ


*** หากการแพร่ระบาดยังไม่จบ ครึ่งปีหลังยังหนุนต่ออีก


บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า BCH จะยังมีโอกาสจากการตรวจโควิด-19 อีกมากในครึ่งหลังของปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่จบ และหลังผ่อนคลายล็อกดาวน์ และเปิดให้บางกลุ่มเดินทางเข้าประเทศได้ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น ความต้องการในการตรวจหาโควิดก็มีมากขึ้นตามความเสี่ยง


*** อัพไซด์ยังสูงมากถึง 22%


แม้จะเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบน้อยจากโควิด-19 แต่ราคาหุ้นก็ไม่ได้ปรับขึ้นแรงมากนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นในปัจจุบันยังมีอัพไซด์อยู่สูงมากราว 22% หากเทียบราคาสูงสุดเช้านี้ กับราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์ 

บล.คำแนะนำราคาเหมาะสม(บ.)
ดีบีเอส วิคเคอร์สซื้อ17
ฟินันเซีย ไซรัสซื้อ17.50
เอเซีย พลัสซื้อ18.70
ฟิลลิปซื้อ19
เฉลี่ย18.05


ต้องยอมรับว่าหุ้นโรงพยาบาลยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสนใจในช่วงนี้ ทำให้เป็นไปได้ยากที่ราคาหุ้นจะพุ่งขึ้นมารวดเร็ว กลยุทธ์จับตาหุ้นกลุ่มนี้ต่อไปจึงไม่ผิดนัก แต่สิ่งที่ต้องจำไว้ให้ดีก็คือ BCH เป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยสุด  จนทำให้กำไรโตสวนกลุ่ม ... หากวันหนึ่งตลาดกลับมาให้ความสนใจหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขึ้นมาจะได้เลือกหุ้นได้ถูกตัว 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Google ปล่อยฟีเจอร์ Tab Groups ช่วยจัดระเบียบแท็บเว็บไซต์บน Chrome\

SpaceX อาจชวดสมัครประมูลรับทุนสูงสุดบรอดแบนด์ในชนบทเหตุถูกสงสัยในความหน่วงแฝงของ Starlink